การดูแลผิวหนังรอบดวงตา
ทุกคนต้องการดูอ่อนกว่าวัย เมื่อเราต้องทายอายุของคน เรามักจะคาดเดาได้ง่ายจากผิวหนังรอบดวงตา ดังนั้นการดูแลผิวหนังรอบดวงตาจึงต้องพิเศษกว่าส่วนอื่นของร่างกายด้วยหลักดังต่อไปนี้
1 ไม่ทำอันตราย
ผิวรอบดวงตาอ่อนไหวง่าย จึงควรหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงทั้งหลาย เช่น การหรี่ตาและขยี้ตาบ่อยๆ โดยไม่รู้ตัว ทำให้เกิดริ้วรอยตีนกา บางคนสายตาไม่ปรกติ ยาวไปหรือสั้นไป ทำให้อ่านหนังสือแล้วต้องทำตาย่นในการอ่านโดยไม่รู้ตัว ควรหมั่นตรวจวัดสายตาเพื่อหลีกเลี่ยงปัจจัยนี้
2 ปกป้องจากรังสียูวี
ผิวหนังบอบบางรอบดวงตาจะอ่อนไหวต่อรังสียูวีมาก จำเป็นต้องปกป้องทั้งผิวหนังและดวงตาจากรังสียูวี อาจจะเลือกแว่นกันแดดที่สามารถครอบคลุมผิวหนังรอบดวงตาด้วยนอกเหนือจากการทาครีมกันแดดรอบดวงตา
3 หลักเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้เกิดความระคายเคือง
ผิวหนังที่บอบบางรอบดวงตาจะง่ายและไวต่อสารเคมีทั้งหลาย ผลิตภัณฑ์บางชนิดอาจไม่เหมาะสม เช่น ผลิตภัณฑ์สำหรับอาบน้ำ เมื่อนำมาล้างหน้าด้วย สารทำความสะอาดในผลิตภัณฑ์จะรุนแรงเกินไปสำหรับรอบดวงตา ก่อให้เกิดความระคายเคืองได้ การใช้บ่อยๆ ทำให้ผิวรอบดวงตาแห้งกร้าน และก่อให้เกิดริ้วรอยก่อนวัยอันควร ครีมบำรุงผิวหน้าที่ประกอบไปด้วยเอเอชเอ (AHA) หรือ บีเอชเอ (BHA) ไม่ควรนำมาทารอบดวงตา เนื่องจากเนื้อครีมชนิดนี้จะมีความเป็นกรดค่อนข้างมากประมาณ 3.5 ซึ่งจะทำให้ระคายเคืองได้
4 การเลือกใช้เมคอัฟที่เหมาะสม
ผลิตภัณฑ์สำหรับแต่งหน้าหรือเมคอัฟมักจะประกอบไปด้วยสารที่ระคายเคืองผิวหนังได้มาก จึงควรแต่งหน้าด้วยเมคอัฟที่ไม่หนาเกินไปโดยเฉพาะอย่างยิ่งรอบดวงตา เมคอัฟประเภททนน้ำและติดทนนาน ต้องระวังให้ดี เพราะจะประกอบไปด้วยสารเคมีที่ล้างออกยากด้วยน้ำ จำเป็นต้องใช้สารเคมีที่รุนแรงเช็คออก ยิ่งทำให้ผิวรอบดวงตาระคายเคืองและอักเสบได้
5 รอยหมองคล้ำรอบดวงตา
หลายๆ คนอาจมีปัญหาของตาหมีแพนด้าบนใบหน้า หรือรอยคล้ำใต้ตา บวมเขียว ซึ่งเกิดจากอาการบวมของผิวหนังใต้ตานั่นเอง อาการบวมใต้ตาเกิดจากการที่มีของเหลวสะสมใต้ผิวหนัง อาการบวมทำให้ผิวหนังรอบดวงตาขยายและเกิดเป็นถุงใต้ตาและริ้วรอยเหี่ยวย่นในที่สุด สาเหตุหลักเกิดจากผิวหนังรอบดวงตามีเส้นเลือดฝอยมาเลี้ยงมากมาย ทำให้บวมคล้ำได้ง่าย
บางครั้งอาการบวมใต้ตาอาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพบางอย่าง เช่น โรคไต โรคตับ ซึ่งจำเป็นต้องปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง แต่ที่พบเป็นประจำคือตาบวมหลังตื่นนอนตอนเช้า ซึ่งมักเกิดจากนอนไม่พอ นอนดึกเกินไป หรือใช้สายตามากเกินไป
6 การเลือกใช้ครีมบำรุงผิวรอบดวงตา
ควรเลือกใช้ครีมที่ให้ความชุ่มชื้นสูง เนื่องจากผิวหนังรอบดวงตาที่บอบบางมาก จำเป็นต้องได้รับการปกป้องสูงสุด ไนท์ครีมสำหรับบำรุงผิวตอนกลางคืนมักจะประกอบไปด้วยสารให้ความชุ่มชื้นสูงและสารหล่อลื่นผิวหนังสูง การเลือกใช้ไนท์ครีมชนิดสำหรับบำรุงรอบดวงตาสามารถช่วยปกป้องผิวหนังส่วนนี้ได้ดีทั้งในเวลากลางคืนและกลางวัน
การใช้เครื่องสำอางรอบดวงตา
- เริ่มต้นจากความเข้มข้นของผลิตภัณฑ์น้อยที่สุด หรือเริ่มต้นทาให้บางที่สุดก่อน ถ้าไม่มีอาการ
ระคายเคืองเกิดขึ้นภายใน 2 สัปดาห์ แสดงว่าน่าจะใช้ต่อไปได้หรือเพิ่มปริมาณที่ต้องการทาได้
- ก่อนที่จะทดสอบผลิตภัณฑ์ใหม่รอบดวงตา ควรจะเริ่มทดสอบที่บริเวณท้องแขนก่อน เมื่อไม่แพ้
จึงขยับมาทดสอบบริเวณผิวหน้า ข้างแก้ม ก่อนที่จะใช้จริงที่รอบดวงตา
- หากมีผลิตภัณฑ์ที่มีสูตรเฉพาะรอบดวงตา ควรเลือกชนิดนั้น
- หากมีอาการข้างเคียงเกิดขึ้น ควรหยุดใช้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวโดยทันที
ข้อควรปฏิบัติเพื่อป้องกันปัญหาตาบวมหรือตาคล้ำ
- ควรนอนหงาย หากนอนคว่ำหน้า ความดันเลือดที่หน้าจะสูงกว่าส่วนอื่น
- ไม่ควรดื่มน้ำหรือของเหลวมากเกินไปก่อนนอน หากของเหลวในร่างกายมากเกินไป จะทำให้ตัว
บวมตามส่วนต่างๆ ได้รวมทั้งผิวหนังใต้ตา
- ควรจำกัดการกินอาหารที่เค็มจัด เพื่อลดปริมาณโซเดียมเข้าร่างกาย เกลือโซเดียมจะทำให้น้ำ
ถูกดูดไว้ในร่างกาย ทำให้ผิวหนังบวมตามตัวได้ง่าย
- สำหรับผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์ ควรจำกัดให้น้อยลงและให้น้อยที่สุดในเวลาเย็นและก่อนนอน
- ครีมบำรุงผิวใต้ดวงตาบางประเภทจะประกอบไปด้วยสารคาเฟอีน ซึ่งจะช่วยขจัดน้ำหรือ ของเหลว
ออก ทำให้อาการบวมลดลงได้
หน้าที่เข้าชม | 1,060,647 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 828,422 ครั้ง |
เปิดร้าน | 5 ธ.ค. 2555 |
ร้านค้าอัพเดท | 21 ต.ค. 2568 |
Add id line :@winkclub
AddTel :0863693232
https://www.facebook.com/miyaspacream